วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

บรูไน

ข้อควรรู้ในการชมรูป
คุณสามารถชมรูปภาพที่ใหญ่ขึ้นได้ โดยชี้เมาส์ไปที่รูปนั้น แล้วคลิกขวา
Open Link New Window หรือคลิ๊กที่รูปนั้นๆ
หากจะแสวงหาความศิวิไล ไฮเทค ไม่ต้องคิดจะไปบรูไนเชียวครับ เพราะค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง มาดูการเดินทางแบบไปเร็วๆของผมกันที่บรูไน ว่าจะเจออะไรกันบ้าง
ออกเดินทางตามแผนที่ แสดงในรูปแรกครับ เริ่มจากโคตา คินาบาลู - เกาะลาบวน - มัวร่า - บันดาร์ เสรีเบกาวัน - ซีเรีย - กัวตาเบล็ต - มิรี
5 กุมภาพันธ์ 2552 ออกเดินทางจากท่าเรือ โคตา คินาบาลู 8 โมงเช้า ด้วยเรือลำนี้
นั่ง First Class เสียด้วย
เพราะจะเห็นวิว ถ้าเป็น Economy อยู่ชั้นล่าง ไม่เห็นวิวแบบถนัดๆ


วิวทำพิษครับ ท่านผู้ชม เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง กว่าจะถึงเกาะลาบวน
ทำเห็นเธอคนนี้ เมาเรือ แบบไม่เคยเป็นมาก่อน ผมก็เกือบ... แย่

มาแล้ว ถึงท่าเรือลาบวน ยังอยู่เขตมาเลเซียครับ ลองดูบ้านเมือง ถนนหนทาง





ผ่านพิธีออกเมิองบนท่าเรือ มาต่อเรืออีกประมาณ 1 ชั่วโมง ไปยังประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ด้วยเรือลำที่เล็กกว่าเมื่อตะกี้ จะรอดมั๊ยนี่..


เรือที่นี่ติดแอร์ทุกลำครับ แต่ว่านะมันก็ทำให้คลื่นเหียน นิดหน่อย แต่ก็ยังสบาย

ออกมาแล้ว สู่พิธีการตรวจคนเข้าเมือง ที่ท่าเรือ ณ เมืองมัวร่า ประเทศบรูไน ผ่านฉลุย ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆ ว่าเขาจะให้เข้าหรือเปล่า มาถึงแล้วก็ต้องได้เข้าสิครับ
บรูไน ดารุสซาลาม เป็นหนึ่งในสมาชิกอาเซียน ที่คนไทยสามารถเข้าเมืองโดยได้รับการยกเว้นวีซ่า ถือพาสปอร์ต เข้าไปโลด แต่เข้าไปแล้ว อย่าไปทำอะไรๆพิลึกๆเชียว เดี๋ยวจะไม่ได้กลับออกมา...


บริเวณท่าเรือและด่านตรวจคนเข้าเมือง
นั่งรถบัสต่อ เป็นรถเมล์แบบร้อนธรรมดานะล่ะ ไปยังเมืองหลวงบันดาร์ เสรีเบกาวัน


ระหว่างทางก็ตื่นเต้น เจอตึกรูปร่างแปลกๆ สวยดี นี่เป็นวิวระหว่างทาง



บอกก่อนว่า ที่บรูไน สถานที่บางแห่งไม่สามารถถ่ายรูปได้ครับ โดยเฉพาะภายในพิพิธภัณฑ์
หรือมัสยิดต่างๆ นี่เป็นถนนหนทาง ในเมืองหลวง ที่แสนประหลาด
หรือเราเหมือนคนประหลาด ไม่มีใครออกมาเดินบนท้องถนนเลย ไปไหนกันหมด ผู้คน
นี่เป็นบริเวณกลางใจเมืองครับ เมองเห็นมัสยิดโอมาร์ ไกลๆ เดี๋ยวเราจะไปกัน



ใครจะมาบรูไน วางแผนดีๆ เพราะไม่มีแท๊กซี่ซักกะคัน ไปเดินถามหาเอาได้
แต่แพงมากๆ ผู้คนที่นี่ มีรถส่วนตัวกันหมด รวยกันจริงๆ

วิธีของเรา คือแบกเป้ แล้วก็เดิน....เดิน


ไม่มีใครเดินกับเรา ซักกะคน ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไร้แดด และฝนอาจจะตกในไม่ช้า

ที่แรกของเราในวันนี้คือ พิพิธภัณฑ์ Royal Regalia เป็นที่จัดแสดงประวัติของ
องค์สุรต่านบรูไน รวมถึงเครื่องราชสักการะ อีกมากมาย ขององค์สุรต่าน
โชคร้าย ภายในพื้นที่จัดแสดง ถ่ายรูปไม่ได้ ถ่ายได้เพียงภายนอก แต่ภายในสวยงามมาก





เสร็จเรียบร้อย ออกมาเดินกันต่อ จุดหมายต่อไป คือมัสยิดโอมาร์ ที่อลังการ กลางใจเมือง


ถึงแล้ว มัสยิดโอมาร์ โดมด้านบนฉาบด้วยทองคำ


มีพิธีทำละหมาด ภายในบริเวณเสาสีขาว แล้วมีน้ำพุด้วยด้านใน

นี่คือห้างใหญ่กลางใจเมือง เป็นห้างสรรพสินค้าที่เงียบเอามากๆ เงียบจริงๆ


อีกมุมหนึ่งจากหน้าห้างสรพพสินค้า เห็นมัสยิดโอมาร์




ต่อไปคือ หมู่บ้านกลางน้ำ กัมปง อยอร์ วิถีชีวิตที่แท้จริงและดั้งเดิมของชาวบรูไน
เสียดายไม่ได้นั่งเรือไป มันน่ากลัวพิกล ฝนก็จะตก ชาวบ้านที่อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้
เดินทางโดยเรืออย่างเดียว ดังภาพ


มองผ่านห้างสรรพสินค้าที่เงียบเหงา สู่มัสยิดโอมาร์ ตอนนี้เราจะต้องหาทางไปโรงแรมที่จองเอาไว้
ชื่อ Trader Inn เดี๋ยวจะมาหาถ่ายรูปอันสวยงามยามค่ำคืนของบรูไน


โชคร้าย ถึงโรงแรม กินข้าว อาบน้ำ แต่งตัว .... ฝนตก แล้วก็ตกหนักทั้งคืน ไปไหนบ่ได้
ถ่ายจากในห้องพัก สู่ภายนอก ที่ฝนกำลังตก

รุ่งเช้า ด้านหน้าโรงแรมครับ Check Out แล้วเดินทางกันต่อ

ตอนนี้ประมาณเจ็ดโมงเช้า ณ ป้ายรถเมล์ มันจะมีรถเมล์มั๊ยเนี่ยครับ
รอแล้ว รอเล่า...ไม่มีมา ฝนก็ตก


มองเห็นโรงแรมที่พักด้วย ฝั่งกะโน้น

หลังจากรอนานประมาณครึ่งชั่วโมใง ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งจอด แล้วถามว่าเราจะไปไหน
ชวนขึ้นรถด้วยกัน คนขับเป็นคนฟิลิปปินส์ ท้ายสุดแหม นึกว่าใจดีให้นั่งรถฟรี
เป็นแบบว่าแท๊กซี่เถือน ไรประมาณนั้นล่ะ รับคนเรื่อยๆ ไปส่งตามที่ต่างๆ
โลกกลมจริงๆ เจอคนไทยมาทำงานนวดแผนโบราณที่นี่
ายได้เดือนละ 6 หมื่น ชื่ออะไรจำไม่ได้ละ


จุดมุ่งหมายในวันนี้คือไปขึ้นเครื่องบินที่เมืองมิรี ของมาเลเซีย เพื่อเดินทางต่อไปกัวลาลัมเปอร์
ไฮไลท์เด็ดสุดอยู่ที่เมืองซีเรีย เมืองผลิตน้ำมันของบรูไน เ
กิดมาจะได้เห็นครั้งแรกจริงๆ ว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นยังไง เคยไปดูไบ ก็ไม่ได้เห็น
ก่อนอื่น แวะตลาดน้ำยามเช้าก่อน จริงๆแล้วเป็นตลาดริมน้ำ ไม่ได้ขายในน้ำ


อยากรู้เหมือนกันว่าเต่าที่นี่ เขาเอาไปทำลาบ หรือเอาไปปล่อย
แต่ท่าทางจะเป็นแกงกะหรี่เต่า มากกว่า


เงาะที่บรูไน เป็นที่จันทบุรีสภาพแบบนี้ โยนทิ้งครับท่าน

หอยจ้า...หอย ขายเป็นกองๆ

สงสารคนกินทุเรียนที่นี่เหลือเกิน พวกเขาเหล่านี้คงต้องอิจฉาประชาชนไทย
ที่ได้กินทุเรียนหมอนทองอันอวบอิ่ม


ที่นี่มัดขายเป็นพวงๆ มันจะมีเนื้อมั๊ยนั่น รักระยองฮิสั้น จันท์ฮิยาวมากมายตอนนี้

มาเดินทางกันต่อ ด้วยรถบัสหวานเย็น สู่เมืองซีเรีย เมืองผลิตน้ำมัน


ระหว่างทาง นี่คือองค์สุรต่านบรูไน

ผ่านมัสยิดมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่

ถนนหนทาง มี Pizza Hut ด้วย ไปดูเมนูมาแล้ว มีแต่หน้าไก่


ฝนตก น้ำท่วมถนน


เห็นเกลือ ผุดออกมาจากดิน ริมถนน ดินคงเค็มมาก รึเอ๊ะ ปูนขาวรึเปล่า ยากจะคาดเดา


นานมาก 2 ชั่วโมงแล้วนะ เมื่อไหร่จะถึงซะที...

ภายในรถเมล์ มีไม่กี่คน แต่ทำท่าเซ็งทุกคน

แล้วเราก็มาถึง ซีเรีย ... ถังเก็บน้ำมันและท่อน้ำมันเกลื่อนเมือง
น้ำมันดีเซลที่นี่ ลิตรละประมาณ 6 บาทครับ






แล้วก็ได้เห็นแท่นขุดเจาะน้ำมันอันแรก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต น้ำมันที่เราเติมรถยนต์ มันมาจากแท่นนี่เอง



บรรยากาศในเมืองซีเรีย ถึงแล้วก็เปลี่ยนรถ เพื่อชมวิว และเดินทางสู่กัวตาเบล็ต รายทางเราเห็น
แท่นขุดเจาะน้ำมันเยอะมาก แม้แต่ริมทะเล

ที่ท่ารถ เราเปลี่ยนไปรถคันใหม่ครับ ค่าโดยสาร 2 เหรียญบรูไน (24x2) สู่กัวตาเบล็ต




ชมแท่นขุดเจาะน้ำมันไปตลอดทาง นี่เป็นริมทะเล


ถึงเมืองกัวตาเบล็ต ร้านอาหารจีนนี่ทำให้ชื่นใจ เป็นมื้อแรกของหลายวันที่ได้กินหมู คล้ายอาหารไทย
ดูท่าทางจะอร่อย



ณ เมืองกัวตาเบล็ต ตอนบ่ายโมง จะขึ้นเครื่องทันมั๊ยเนี่ย รถก็ยังไม่มา ถ้าข้ามแดนไปขึ้นเครื่องที่มิรีไม่ทัน
3 โมงเย็น ได้กินข้าวลิงแน่


แท๊กซี่ข้ามแดน อย่างเดียวครับ คันนี้แหละ ตอนทำพิธีออกเมืองก็ไม่ต้องลงจากรถ สบายใจ



ถึงแล้ว เมืองมิรี ประเทศมาเลเซีย ใครสงสัยว่ามันอยู่ตรงไหน ดูแผนที่ภาพแรกครับ


บ้านเรือนที่นี่ ใหญ่โต อลังการ


ถึงแล้ว Miri Airport



ซื้อโปสการ์ด



ลำนี้เหรอ จะพาบิน
รอนานมาก 4 โมงกว่าแล้ว เครื่องเพิ่งโผล่มา ลงปุ๊ป ขึ้นปั๊บ ลำนี้ครับ Boeing 737-400 ของ Malaysia Airlines รุ่นพระเจ้าเหา สนิมเขรอะเหมือนกัน ดูทางทางจะอายุอานามราว 20 ปี

ไปแล้วคร๊าบ..บ ภาพสุดท้าย เราจะบิน 2.5 ชั่วโมง สู่กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย ด้วยสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ สายการบินแห่งชาติมาเลเซีย ในราคาเพียง 99 ริงกิต หรือ 990 บาทไทย พร้อมอาหารเสริฟบนเครื่อง ราคานี้ก็ไม่มีวันได้รับจากการบินไทย ..... บาย...ย..ย เจอกันที่กัวลาลัมเปอร์ครับ.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น