ทริปนี้ ถือเป็นทริปอันยอดเยี่ยม อันเนื่องมาจากเรามีงานประชุมที่โจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ และมีโปรแกรมท่องซาฟารี อันเป็นไฮไลท์สำคัญของการเยือนทวีปแอฟริกา และประเทศแอฟริกาใต้ ก็เป็นประเทศที่มีความหลากหลายของสายพันธุ์สัตว์ป่า การมาเยือนสักครั้งในชีวิต ถือเป็นประสบการณ์อันยิ่งใหญ่มาก เราเริ่มต้นที่สุวรรณภูมิ และผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองมาเป็นปกติ สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางไปประเทศแอฟริกาใต้ ไม่ต้องใชีวีซ่า มีเพียงหนังสือเดินทาง สามารถพักนักอยู่ได้ 30 วันครับ
เนื่องจากเป็นการเดินทางไฟล์ทดึก จึงเกิดความหิวก่อนขึ้นเครื่อง เบอร์เกอร์คิง จึงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ด้วยเนื้อเบอร์เกอร์ที่หอม นุ่ม บวกกับแตกกวาดองรสชาดดี จริงๆแล้ว สายการบินห้าดาวอย่างเอมิเรตส์ ก็เสริฟอาหารอย่างอิ่มหมีพีมัน แม้แต่ชั้นประหยัดก็เช่นกัน ครั้งนี้ เราเลือกเดินทางโดยเอมิเรตส์ โดยแวะต่อเครื่องที่ดูไบ
เอาเบอร์เกอร์คิงมากินที่อานตี้แอนท์ ตรงข้ามกันครับ ราคาของอาหารที่ขายใน
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถือว่าอยู่ในประดับที่แพงกว่าข้างนอกครับ
ประมาณ 20-40 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว
บอร์ดิ้งพาส 2 ใบ ออกครั้งเดียวต้นทางเลยครับ
ไม่รู้จะทำอะไร ก็มานั่งๆนอนๆรอที่เกท ยังเงียบมาก
โบอิ้ง 777-300 อีอาร์ลำนี้ล่ะครับ ที่จะพาเราเดินทางสู่นครดูไบ
ได้เวลาบอร์ดดิ้ง เดินขึ้นเครื่องแล้วครับ
อาหาร เครื่องดื่ม และการบริการถือว่าอยู่ในระดับดีครับ สามารถเรียกหาเครื่องดื่มที่โปรดปรานได้ตลอดการเดินทาง สำหรับโบอิ้ง 777-300 อีอาร์ของเอมิเรตส์แล้ว เครื่องค่อนข้างใหม่ และระบบเอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่เรียกว่า ICE ไอซ์ ถือว่ายอดเยี่ยม การจัดวางเก้าอี้แบบ 3-4-3 ที่โดยปกติเครื่องบินรุ่นนี้ของสายการบินอื่นจะจัดที่ 3-3-3 สามารถทำได้ดีเกิดคาด โดยเพิ่มช่องว่างวางเท้าให้กว้างกว่า จึงทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดมากนัก รวมถึงเก้าอี้ที่ออกแบบมาอย่างดีครับ อย่างไรก็ตาม เครื่องบินแอร์บัส เอ380 ของสายการบินนี้ ก็ทำให้ผมเห็นถึงความแตกต่างของพื้นที่นั่งชั้นประหยัดมาแล้ว เยี่ยมชมได้จากการเดินทางสู่ฮ่องกง ด้วยแอร์บัส เอ380 ครับ
ตอนนี้ ไม่ถ่ายอะไรแล้วครับ ง่วง จึงขอหลับก่อน เนื่องจากต้องต่อเครื่อง
และการเดินทางค่อนข้างยาวนาน
ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง ก็ถึงดูไบครับ
ไม่แน่ใจว่ารถยนต์คันนี้ ถ้าอยากเป็นเจ้าของ มีกติกายังไงมั่ง
แอบส่งร้านทองครับ
เก้าอี้นั่งรอที่ดีดีมาก สามารถเอนได้เกือบจะ 180 องศาเลย
หลังจากเดินเล่น และหากาแฟรองท้องอีกถ้วย ก็ถึงเวลาบอร์ดดิ้ง เดินทางสู่โจฮันเนสเบิร์กแล้วครับ ซึ่งจะใช้เวลาบินอีกประมาณ 6-7 ชั่วโมง
ผ่านแอร์บัส เอ380
เหมือนเดิมครับ บินด้วยโบอิ้ง 777-300 อีอาร์
ดูเหมือนจอของลำนี้จะใหญ่และทันสมัยกว่าลำที่มาจากกรุงเทพครับ
ปลุกให้ตื่นแต่เช้าด้วยไฮเนเก้นครับ มันช่วยลดอาหารมึนหัวได้เล็กน้อย แต่ถ้าหลายกระป๋อง จะมึนหนักกว่าเก่าครับ!
อาหารบนเครื่อง น่าจะเป็นข้าวหมกเนื้อครับ ขนมปัง ของหวาน มีเมนูแจกให้ดูก่อนการเสริฟ
ไม่มีปลาหรอกครับ แต่ก็ขอไวน์ขาว
แอบส่องชั้นธุรกิจก่อนลงจากเครื่อง
ขอต้อนรับสู่ท่าอากาศยานนานาชาติ โออาร์แทมโบ โจฮันเนสเบิร์กครับ
สาวน้อยคนนี้ คงมารอคอยม่าม๊า
พี่คนขับรถบัส ที่จะนำเราเข้าสู่โรงแรมที่พัก สำหรับเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เป็นศูนย์กลางการเงิน และธุรกิจของประเทศครับ ส่วนเมืองหลวงพริทอเรีย อยู่ไม่ไกลกันมาก
ไม่แน่ใจว่าขาหักจริงมั๊ย เดินขอสตางค์ตามแยกไฟแดง ตามคำร่ำลือมาว่า ประเทศแอฟริกาใต้ ถ้าไม่ใช่เคปทาวน์แล้ว ค่อนข้างไม่ปลอดภัยครับ แต่คนเราก็ต้องตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท หาทางหนีทีไล่ไว้ มิฉะนั้นแล้ว คงไม่ได้เดินทางไปดูโลกกว้างอย่างที่ใจฝัน ผมไม่เจออะไรที่เลวร้ายที่นี่ อาจใช้เวลาอยู่น้อย แต่เจอเรื่องที่น่าตกใจที่เคปทาวน์ครับ
โรงแรมและห้องพักค่อนข้างหรูหรา ห้องน้ำใหญ่มาก ที่นี่คือ The Westcliff http://www.westcliff.co.za/
คืนนี้เรามีงานเลี้ยงขององค์กรที่เราทำงานอยู่ครับ
สวัสดียามเช้า กาแฟอันหอมกรุ่นและรสชาดที่ดีมากของแอฟริกาใต้ ทำให้ผมซื้อกลับเมืองไทยอย่างมากโขครับ และหวงมากด้วย เสียดายกลัวหมด จึงสลับชงกับกาแฟของไทย ยังเหลืออีกนิดหน่อยจนถึงวันที่เขียนบล๊อกนี้ เป็นกาแฟสดครับ ที่โรงแรมมีเครื่องชงอยู่ในห้องพัก แอฟริกาใต้สามารถปลูกกาแฟและองุ่นเพื่อผลิตไวน์ได้รสชาดดีมากครับ เนื่องจากมีภูมิอากาศแบบเมริเตอร์เรเนียน อากาศเย็นสบายครับ
อาหารเช้าครับ อากาศแจ่มใส
ถ่ายด้านหน้าของโรงแรม และเรากำลังเดินสู่ซาฟารีครับ
กลับเข้าสู่ทาอากาศยานโออาร์แทมโบครับ เราต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน ไปยังเมืองโฮลสปรุด Hoedspruit อยู่ใกล้เคียงอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ครับ
เราจะเดินทางด้วยเครื่องบินใบพัด รุ่น แดช8-400 ครับ
บอมบาเดียร์ แดช8-400 ผลิตในบราซิลครับ ขนาดใกล้เคียงกับเครื่อง เอทีอาร์72 ที่นั่งอยู่บ่อยๆ ขอยืนยันว่า ความสบาย และความรู้สึกหลายอย่าง เอทีอาร์72 ชนะขาดครับ สามารถเยี่ยมชมภาพของ เอทีอาร์72 ของสายการบินลาว ที่ผมเคยนั่งจากหลวงพระบางสู่เวียงจันทน์ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1656276853433.2081151.1432445750&type=3&l=5a30992ef5
มีไวน์แดงเสริฟนะครับ ขนาดแค่เครื่องบินในประเทศ ไวน์เขาคงไม่แพง
แลนดิ้งแล้วครับ รถขนกระเป๋าผู้โดยสารคือยันมาร์ หรือคูโบต้าไม่ทราบได้
ลงเครื่องแบบงายๆ อาคารผู้โดยสารแบบง่ายๆ อะไรๆก็ง่ายไปหมด
มีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมมาคอยต้อนรับ
ดูสิครับ ง่ายขนาดไหน ขนกระเป๋าจากใต้ท้องเครื่องเสร็จ ก็ลากมาแจกที่หน้าอาคารผู้โดยสารเลยเชียว ไม่ต้องมีสายพงสายพานใดๆ
เริ่มต้นสู่ความตื่นเต้น ในซาฟารี
โรงแรมที่พักของเราคือ Kapama river lodge ดูดีเชียวครับ ทั้งห้องพักและบรรยากาศโดยรอบ อยู่ในพื้นที่ป่าซาฟารีครับ
หิวมาก ทานมื้อกลางวัน ก่อนที่จะเข้าสู่เกมส์ซาฟารีแรกของวันนี้
หน้าตาของอาหารครับ ข้าวเม็ดเล็กๆและคลุกเคล้าอะไรบางอย่างมา เขาเรียกว่า
ครุช ครุช ครับ
เห็นกวางตัวเล็กเดินในโรงแรม ก็ตื่นเต้นแล้ว!! ยังครับ เป็นเพียงเริ่มต้น มันมีสัตว์ประเภทนี้มหาศาลในป่าแห่งนี้ เรามีคนขับรถและผู้ช่วย จำชื่อไม่ได้แล้ว เธอเก่งมาก เธอขับรถพร้อมกับอธิบายทุกสิ่งอย่าง บนอาณาจักรสัตว์ป่าแห่งนี้
เธอบอกว่าเป็นรอยเท้า อะไรหรือ?
ม้าลาย มีให้เห็นโดยทั่วไป
ยีราฟตัวผู้ เป็นสุภาพบุรุษนะครับ มันจะกินใบไม้บนยอดไม้ แล้วให้ยีราฟตัวเมียและยีราฟเด็กๆได้กินตรงระดับที่ต่ำกว่า ภาพด้านล่างจะเห็นได้ว่า ตัวนี้เป็นตัวผู้
อืม ตัวอารัย? ผมพลาดอย่างหนึ่งเวลาเดินทางท่องเที่ยว คือการจดบันทึก และจะเกิดความรู้สึกผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงหลังจากนั้น เมื่อไม่สามารถอธิบายมันได้
เธอบอกว่าเป็นฝีมือช้างป่าแอฟริกาครับ แน่นอน เธอกำลังจะพาเราไปดูมัน
โขลงใหญ่มาก กำลังลงมากินน้ำ เพื่อจะรวมตัวกันกลับบ้านไปนอน เออ แล้วบ้านมันอยู่ไหน?
ค่ำแล้ว จินตนาการว่าพวกมันทั้งโขลงกำลังพากันเดินกลับบ้าน
นี่เป็นภาพที่ผมถ่ายเองกับมือ หลายคนชมว่าสวยงามมาก พระอาทิตย์กำลังตกที่ซาฟารี ผมก็รู้สึกเช่นกัน และเหงานิดหน่อย เวลาดูภาพนี้ตอนอยู่คนเดียว
ฝูงแรด เริ่มค่ำแล้ว ภาพเริ่มไม่ชัด กล้องถ่ายรูปที่มีอยู่ ดูเหมือนมันปัญญาอ่อนทันที
ที่พระอาทิตย์ตกดิน
เสือดาว มันกำลังรอเวลากินลูกหมูป่าที่มันล่าไม่ได้ มันอาจกำลังเขินหรือหงุดหงิด
ที่มีผู้คนส่องดูมันอยู่
ดูเสือกินลูกหมูแล้ว เริ่มชักหิว เราก็มากินของเราบ้าง ทางรีสอร์ทจัดบุฟเฟ่ต์รอบกองไฟ
และมีการแสดงของชนเผ่าท้องถิ่นด้วย
รู้สึกเหนื่อยกับวันนี้ เราต้องอยู่ที่นี่ 3 วัน และท่องซาฟารีวันละ 2 รอบ
คือรอบเช้ากับรอบบ่ายแก่ๆถึงเย็นครับ
สวัสดีตอนเช้า นี่คือเกมส์ท่องซาฟารีของรอบเช้าของอีกวันหนึ่ง
ผ่านยีราฟ
เธออธิบายถึงแมงมุมชนิดหนึ่ง ซึ่งร้ายกาจมาก
ฮิปโป มันโผล่มาแค่นี้
แวะดื่มกาแฟระหว่างท่องป่าครับ
เธอบอกว่า พิษของต้นไม้ชนิดนี้ ร้ายกาจ มันดูคล้ายต้นขี้เหล็กบ้านเรา
เป็นซากของหมูป่า
ฝูงนี้ยังวิ่งได้ ยังไม่เป็นซากแต่อย่างใด
เต่า ก็มีให้เห็นตลอด
ดอกไม้หน้ารีสอร์ท สีสวยครับ
ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว เวลาขณะนี้ประมาณ 10 โมงเช้า
เราต้องถูกปลุกไปท่องซาฟารีตั้งแต่ 6 โมงเช้าครับ
ยังไม่มีอาหารประเภทไหน อร่อยถูกใจเป็นพิเศษ ยกเว้นเครื่องดื่ม กาแฟกับไวน์
ท่องรอบบ่ายอีกรอบ
ฝูงลูกหมูป่า ตัวมันเล็กมาก เนื้อมันคงอร่อย เพราะวิ่งเล่นทั้งวัน ไม่มีไขมันแรกมากมายเหมือนหมูบ้านหรอกนะ ผมว่า เสือที่นี่เลยชอบล่าหมูป่าเป็นพิเศษ
นั่นไง เจอตัวแล้ว สิงห์โตตัวเมีย น่ากลัวมั๊ย ขับรถเข้าไปไกล้ๆ
กฏของการนั่งชมสัตว์ป่าด้วยรถประเภทนี้คือ ห้ามยืนโดยเด็ดขาดครับ เพราะสัตว์ป่าพวกนี้
เวลาเห็นรถยนต์และคนนั่ง มันจะคิดว่าเราเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่า มันจะไม่เข้ามาจู่โจมครับ
มันเป็นอะไร น้ำลายยืดเชียว หรือว่าเป็นสิงห์โตบ้า ถ้าถูกกัดคงต้องไปฉีดยารอบสะดือ
หรืออาจจะยอมแพ้ ให้มันกินซะโดยดี
นี่ไง ผลงานที่ซ่อนอยู่ใกล้ๆ ตัวอะไรก็ไม่รู้ ล่ามาแล้วก็กินไม่หมด หรือว่ามันกำลัง
พักย่อย เดี๋ยวมาจัดการกินต่อ แต่ผมว่านะ ถ้ามันกินต่องวดนี้
มันคงต้องมีปัญหากับเชื้ออหิวาแน่ ดูแมลงวันเยอะซะขนาดนี้
พระอาทิตย์เริ่มลาลับอีกแล้ว มาดูฝูงควายป่ากัน
มีสิงห์โตสองตัวผัวเมีย นั่งซุ่มเพื่อที่จะล่าลูกควายตัวน้อย แต่สุดท้ายก็โดนควายตัวโตๆไล่ขวิด
หนีกระเซิงเลยล่ะ
เช้าวันไหม่ วันนี้จะเดินทางกลับแล้ว จุดหมายปลายทางต่อไปคือเคปทาวน์
โดยแวะต่อเครื่องที่โจฮันเนสเบิร์กครับ
เช็คอินแบบง่ายๆ
ระหว่างรอเครื่อง ที่ห้องพักผู้โดยสารขาออก
ผ่านเจ้าเครื่องเอ็กซเรย์ก็เดินไปขึ้นเครื่องได้เลย เสียงเครื่องเอ็กซ์เรย์ดังเป็นระยะ
ก็ไม่มีใครสนใจ เอ็งจะเอาอะไรขึ้นเครื่องไปก็ช่างเอ็ง!!
ถ่ายกับกระบองเพชรแอฟริกาก่อนขึ้นเครื่อง
แล้วก็เดินขึ้นเครื่องแบบง่ายๆ ไฟล์ทนี้ผู้โดยสารเต็มครับ
แลนดิ้งแล้ว ณ ท่าอากาศยานโออาร์แทมโบ โจฮันเนสเบิร์ก
รูปสุดท้ายเป็นเครื่องเป่าชนิดหนึ่ง ที่หลายต่อหลายคนรู้จักเพราะโอลิมปิกที่แอฟริกาใต้
นั่นคือ วูวูเซล่า ครับ มีขายในสนามบินนี้ด้วย
อย่าลืมไปชมความสวยงามของเคปทาวน์ เมืองในฝันของผมได้ที่ลิงค์ http://preechablog.blogspot.com/2012/01/blog-post_09.html
อำลาซาฟารีกันเพียงเท่านี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น